แสงแดดที่แผดเผาในทุกๆวัน ทำให้เกิดปัญหาผิวหนังแดง ไหม้ ผิวคล้ำ หรืออาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง แต่ความจริงแล้วแสงแดดก็มีประโยชน์มาก มีส่วนช่วยผลิตวิตามินดีในมนุษย์ ลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า ช่วยฆ่าเชื้อโรคและรักษาโรคบางชนิดได้ แต่ถ้าได้รับแสงแดดมากเกินไปก็เกิดอันตรายได้
พญ.กิริฎา ตระกูลรุ่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และความงาม ให้คำแนะนำและความรู้ถึงอันตรายในแสงแดด ซึ่งแสงแดดประกอบด้วยรังสีที่เรียกว่า “รังสีอัลตราไวโอเลต” หรือ “รังสียูวี” การป้องกันอันตรายจากแสงแดด อย่างแรก ควรหลีกเลี่ยงในเวลาที่แสงแดดร้อนจัด คือ ช่วงเวลาประมาณ 10.00-15.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่รังสีอุลตราไวโอเลตมีความเข้มข้นสูง เป็นช่วงที่ผิวจะมีโอกาสรับอันตรายจากแสงแดดได้มาก นอกจากจะทำให้ผิวหมองคล้ำ เป็นฝ้าแล้ว ยังมีอันตรายที่บางคนอาจยังไม่รู้ ได้แก่ ทำให้เกิดผิวไหม้, ริ้วรอยก่อนวัย, ผื่นแพ้แดด, ผื่นผิวหนังบางชนิด และแม้แต่โรคมะเร็งผิวหนัง จึงจำเป็นต้องป้องกันแสงแดดด้วยวิธีต่างๆ เพื่อสุขภาพผิวที่ดี
รังสียูวีแบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ รังสียูวีเอ (UVA) รังสียูวีบี (UVB) และรังสียูวีซี (UVC)
โดยรังสีที่ส่องลงมาทำร้ายผิวได้แก่ UVA และ UVB
- รังสียูวีเอ (UVA) ผลในระยะยาวหากได้รับรังสี UVA มากๆ จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระในผิวหนัง ซึ่งจะทำลายคอลลาเจนผิว ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย สีผิวคล้ำเข้ม ขาดความสดใส
- รังสียูวีบี (UVB) มีผลทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดอาการแสบร้อน แดง และไหม้เกรียม นอกจากนี้ยังทำร้าย DNA ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
วิธีป้องกันผิวจากแสงแดด
- หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะระหว่างเวลา 10 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น เพราะเป็นช่วงที่รังสียูวีเข้มข้นที่สุด
- สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด หรือกางร่ม เมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- สวมเสื้อผ้าให้ปิดผิวมิดชิด ซึ่งโดยทั่วไปเสื้อผ้าที่ทอเนื้อแน่นสีเข้ม จะกันแดดได้มากกว่าเสื้อผ้าเนื้อบางๆ
- ทาครีมกันแดด
สนับสนุนข้อมูลโดย : พญ.กิริฎา ตระกูลรุ่ง SIRIYA CLINIC โทร 037-349844, 095-4874780