![melasma](https://theissuebrand.com/wp-content/uploads/2020/03/melasma.jpg)
ฝ้า (Melasma) เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนไม่มั่นใจ และยังเป็นปัญหากวนใจที่ทำให้ใบหน้าของเราไม่กระจ่างใส
ฝ้า สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบนผิวหน้าและผิวกาย โดยเฉพาะกับบริเวณที่ต้องเผชิญกับแสงแดด เกิดการจากผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไปในบางบริเวณของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดเป็นรอยสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงเทา โดยมักจะเกิดขึ้นบริเวณที่โดนแดด ได้แก่ โหนกแก้ม เหนือริมฝีปาก หน้าผาก หรือคาง ซึ่งฝ้าและกระยังสามารถเกิดขึ้นได้ใหม่หากคุณขาดการปกป้องผิวที่ดี
สาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า
- แสงแดด เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด
- ฮอร์โมนเพศ เช่น ในภาวะตั้ง ครรภ์ วัยหมดประจำเดือนที่ต้องทานยาฮอร์โมน การทานยาคุมกำเนิด หรือ การใช้เครื่องสำอางที่มีฮอร์โมน
- พันธุกรรม
- เครื่องสำอาง ส่วนใหญ่เกิดจากการแพ้เครื่องสำอาง ซึ่งก่อให้เกิดการระคายต่อผิว เกิดผิวหนังอักเสบ และรอยดำคล้ายฝ้าตามมา
- ยากินบางชนิด
วิธีป้องกันฝ้า
- การป้องกันแสงแดด เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการรักษาฝ้าทุกชนิด หากไม่มีการป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัดนั้น มักทำให้การรักษาฝ้าได้ผลไม่ดี หรืออาจไม่ได้ผล จึงควรพยายามหลีกเลี่ยงการได้รับแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10 โมงเช้าถึงบ่าย 4 โมงเย็น ป้องกันโดยใช้เครื่องป้องกันแสงยูวีในแสงแดด เช่น การสวมหมวกกันแสงยูวี กางร่มกันแสงยูวี และการใช้ครีมกันแดด โดยใช้ครีมกันแดดที่สามารถกันได้ทั้งแสงยูวีเอ และ แสงยูวีบี และมีค่าป้องกัน เอสพีเอฟ มากกว่า 30 ขึ้นไป
- การหลีกเลี่ยงยา และ ฮอร์โมนเพศต้นเหตุ
การรักษาฝ้าทำได้โดย
- การรักษาฝ้าด้วยยาทา มักได้ผลดีในฝ้าตื้นมากกว่าฝ้าลึก
- การลอกฝ้า ต้องทำด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะสามารถก่อให้เกิดแผลเป็นถาวรได้จากการลอกชั้นผิวที่ลึกเกินไป
- การใช้เลเซอร์ เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
สนับสนุนข้อมูลโดย : พญ.กิริดา ตระกูลรุ่ง SIRIYA CLINIC โทร 037-349844, 095-4874780