เติมวิตามินดี3 (Vitamin D3) เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ผิวสวยแข็งแรง

นอกจากการรับประทานอาหารเพื่อให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารครบถ้วน วิตามินก็เป็นส่วน ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมให้การทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น วิตามินดี (Vitamin D) คือ วิตามินที่หลายคนมักจะหลงลืมไป เพราะคิดว่าเราอาศัยอยู่ในประเทศเมืองร้อน แดดแรง ได้รับวิตามินดีเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการอยู่แล้ว แต่ที่จริงแล้วร่างกายของเราได้รับวิตามินดีเพียงพอจริง ๆ หรือเปล่า พญ.นภาพร ธรรมพัฒนากูล (หมอแชมป์) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ชะลอวัย และผู้ก่อตั้ง Vitalia Wellness Clinic จะมาตอบข้อสงสัยของพวกเรากันค่ะ

เริ่มจากชนิดของวิตามินดี (Vitamin D)

วิตามินดีที่จำเป็นต่อร่างกายของเรา แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

วิตามินดี2 (Vitamin D2) เป็นวิตามินที่เราไม่สามารถสังเคราะห์ได้เองพบในพืชชนิดต่างๆและยีสต์

วิตามินดี3 (Vitamin D3) เป็นวิตามินที่ร่างกายของเราสามารถผลิตได้เองหลังจากที่ผิวหนังได้รับแสงแดด หรือจากอาหารที่รับประทาน และการเสริมด้วยอาหารเสริมต่างๆ

ประโยชน์ของวิตามินดี3 (Vitamin D3)

  • เสริมภูมิคุ้มกัน (Boost Immunity) การรับประทานวิตามินดี3 (Vitamin D3) อย่างต่อเนื่องจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายของเราได้ เมื่อร่างกายของเราได้รับวิตามินดี3 จะกระตุ้นเม็ดเลือดขาวซึ่งทำหน้าเปรียบเสมือนทหาร ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราที่เข้ามาทำอันตรายเรา จึงทำให้ภูมิคุ้มกันของเราดีขึ้น แข็งแรงมากขึ้น
  • เสริมการทำงานของแคลเซียม ผู้ที่มีปัญหากระดูกพรุน เสื่อมบาง ควรรับประทานวิตามินดี3 (Vitamin D3) ควบคู่กับแคลเซียมเพราะแคลเซียมไม่สามารถทำงานเพียงลำพังได้ เมื่อร่างกายได้รับแคลเซียม แคลเซียมจะล่องลอยอยู่ในกระแสเลือดรอให้วิตามินดีเข้ามาจับ และนำพาไปที่กระดูก เพื่อเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรงมากขึ้น มีความหนามากขึ้น ลดความเสี่ยงของมวลกระดูกพรุน 
  • ช่วยเสริมความแข็งแรงในการออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายฟิตมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลียง่าย ลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เนื่องจากวิตามินดี3 (Vitamin D3) ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นทำให้กล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บจากการ ออกกำลังกาย ได้รับการซ่อมแซมมากขึ้น และกลับมาใช้งานได้ปกติไวกว่าคนที่ขาดวิตามินดี 3 (Vitamin D3)
  • ลดความเครียด ช่วยในการนอนหลับ และฟื้นฟูผิว วิตามินดี3 (Vitamin D3) กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเคมีในสมองชื่อ “ซีโรโตนิน” ซึ่งช่วยลดความเครียด ลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า ช่วยให้นอนหลับสบายมากขึ้น เมื่อเรานอนพักผ่อนเพียงพอ ร่างกายของเราก็จะผลิตโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ได้เพียงพอ ซึ่งทำให้เรามีผิวพรรณอ่อนกว่าวัย เปล่งปลั่ง เนียน ชุ่มชื่น ลดความเสื่อมของเซลล์ผิว และช่วยให้อารมณ์ดีอีกด้วย
  • ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง เมื่อร่างกายของเราได้รับวิตามินดี3 (Vitamin D3) ในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก

แหล่งพลังงานของวิตามินดี (Vitamin D)

  • ร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดี3 (Vitamin D3) จากการสัมผัสแสงแดด ตั้งแต่เวลา 8.00-10.00 น. อย่างน้อย 30 นาที จนถึง 2 ชั่วโมง โดยการสัมผัสแสงแดด 1 ครั้ง ร่างกายจะได้รับวิตามินดี3 ประมาณ 100 IU แต่วิธีการสังเคราะห์วิตามินดีแบบนี้ อาจได้ของแถมเป็นปัญหาผิวคล้ำเสีย ฝ้า กระ ตามมาได้
  • การรับประทานอาหารที่มีวิตามินดี3 (Vitamin D3) สูง ได้แก่ ปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน ไข่ และนมบางชนิดที่มีการเติมวิตามินดี3 เข้าไปเพิ่ม จะช่วยให้ร่างกายของเราได้รับวิตามินดี3 เพิ่มมากขึ้นได้

วิตามินดี3 (Vitamin D3) ชนิดรับประทานเสริมและแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

  • กลุ่มที่ 1 คือ คนที่ไม่เคยตรวจระดับวิตามินดี3 (Vitamin D3) ในเลือด ควรรับประทานวิตามินดี3 ประมาณ 500 – 800 IU ต่อวัน ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 – 6 เดือนขึ้นไป ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว
  • กลุ่มที่ 2 คือ คนที่เคยตรวจระดับวิตามินดี3 (Vitamin D3) ในเลือด แล้วพบว่ามีระดับวิตามินดี3 ในเลือดต่ำกว่า 20-30 IU ควรรับประทานวิตามินดี3 ประมาณ 1000 IU ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน และหากพบว่ามีระดับวิตามินดี3 ในเลือดต่ำกว่า 20 IU ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยมาก ควรได้รับการเสริมวิตามินดี3 อย่างเร่งด่วน ควรรับประทาน วิตามินดี3 วันละ 5000 – 8000 IU ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน และลดปริมาณเหลือ 1000 IU ต่อเนื่องอีก 6 เดือน หรือรับการฉีดวิตามินดี3 เข้ากล้ามเนื้อที่ต้นแขนหรือสะโพก โดยการฉีด 1 ครั้ง จะได้รับวิตามินดี 300,000 IU ต่อ 1 โดส หรือ 1 เข็ม จะทำให้ร่างกายของเราได้รับวิตามินดี3 เพิ่มขึ้นประมาณ 10 – 20 IU ภายใน 1 สัปดาห์ อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายของเรามีภูมิต้านทานสูงขึ้น แข็งแรงขึ้น และยังช่วยให้ผิวสวยสุขภาพผิวดีจากภายใน ผิวสวยไวมากยิ่งขึ้น

“ในสถานการณ์เช่นนี้ การเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ คือ วิธีการดูแลสุขภาพเบื้องต้น เพื่อให้เราห่างไกลโควิดการรับวิตามินดี (Vitamin D)ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจ มาเสริมภูมิคุ้มกัน สร้างสุขภาพดีให้ตัวเราและคนที่เรารักแข็งแรง สดใสจากภายในถึงภายนอกกันค่ะ” พญ. นภาพร ธรรมพัฒนากูล กล่าวเพิ่มเติม